สิ่งที่เราค้นพบ...หลังจากการปฏิบัติวิสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน (8 วัน 8 คืน)

ปฏิบัติวิสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน 8 วัน (16 - 23 พฤษภาคม 2556) 
หลายคนบอกว่า อ่านหนังสือสอบให้เข้าใจ ต้องอ่าน 3 รอบ หรืออ่านสามก็ก 3 รอบ ถึงจะเข้าใจ
แล้วถามว่า ถ้าคุณได้ลองไปปฏิบัติกรรมฐาน 3 ครั้ง คุณได้อะไรจากมันบ้าง ?

ต้องบอกว่า การปฏิบัติกรรมฐานครั้งนี้ เราตั้งจิตว่าจะตั้งใจปฏิบัติให้ดีทึ่สุด และถือว่าการไปครั้งนี้ เราถือว่า สามารถเปลี่ยนทัศนคติและ mind set ของเราอย่างสิ้นเิิชิง เมื่อเปรียบเทียบครั้งที่ 1 & 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า "ทุกขเวทนา" / "ปิติ" และ "ศรัทธา" คืออะไร

ตอนแรก เราก็ไม่มีคาดหวังว่า การปฏิบัติธรรม & กรรมฐานครั้งนี้ ว่าจะช่วยให้เราเปลี่ยนความคิดได้ถึงขนาดนี้ โดยเราเพียงต้องการแค่ slow down ชีวิตที่แสนวุ่นวาย และเร่งรีบในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับปัญหาเรื่องอารมรณ์ที่ฉุนเฉียวมากเกินไปในช่วงนั้น

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
ด้วยเหตุนั้น เราจึงหวังว่า การไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้ จะให้ "ผล" ที่เรียกว่า การฝึกอารมรณ์ตัวเองให้เย็นลง  แต่ที่เราได้รับกลับไม่ใช่ ผลที่ต้องการ แต่กลับมาเป็น "ต้นกล้า" ที่เปลี่ยนความเป็นตัวเรา ให้เข้าใจ ความว่า ความสงบในจิตใจ และการฝึกสติ  และนี่คือสิ่งที่ผู้ที่ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ที่เรียกกันว่า "ปัพจัตตัง เวทิตัพโพ วัญญูหิ"

การปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน เป็นแบบ สติปัฏฐาน 4 ที่เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐานที่เน้นเกี่ยวกับการเน้นให้จิตอยู่กับ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับปัจจุปัน ซึ่งจะแตกต่างกับแบบ สมณะกรรมฐาน ซึ่งเป็นการมุ่งจิตภาวนาไปที่ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว (ex. ลมหายใจ หรือ ลูกแก้ว) โดยที่จะรับรู้และเข้าใจถึง "ทุกขเวทนา" ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ว่าเป็นสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

และนี่คือสิ่งที่เรา มนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ค้นพบและเข้าใจจากการปฏิบัติกรรมฐานครั้งนี้ตลอด 8 วัน 8 คือ
  • การปฏิบัติกรรมฐานนั้น สาระของมันอยู่ที่การที่ เข้าใจถึง ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นได้ในทุกขณะ เพื่อให้เราเข้าใจทุกขเวทนา อย่างเป็นกลาง ที่เรียกว่า "อุกเบกขา"
  • ประโยชน์ของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น ไม่สามารถอธิบายได้้เป็นคำพูดได้ทั้งหมด เฉพาะคนที่ปฏิบัติเท่านั้น จึงจะเข้่าใจด้วยตัวเองผ่านการฝึกเดินจงกรม และนั่งสมาธิ หรือเรียกว่า "ปัพจัตตัง เวทิตัพโพ วัญญูหิ"
  • เข้าใจถึงศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์นั้นคือ "ทุกขเวทนา" ทีเราทุกคนต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็น ทางกาย หรือ ทางใจ และการที่จะหลุดพ้นกับทุกขเวทนาเหล่านั้นมีเพียงอย่างเดียว นั้นคือ การฝึกภาวนา และปฏิบัติกรรมฐาน เพื่อให้เราสามารถเข้าใจและยอมรับกับ ทุกขเวทนาเหล่านั้น อย่างไม่เป็นทุกข์
  • เข้าใจคำว่า "ปิติ" คืออะไร หลังจากที่อดทนต่อสู้กับ ความทุกข์เวทนาจากการนั่งขัดสมาธิ ระหว่างปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนครบกำหนดเวลา 
  • เข้าใจคำว่า "สัจจะอธิษฐาน" เปรียบเสมือน การที่เราตั้งเป้าหมายที่เราตั้งใจด้วยความศรัทธา ที่เฉพาะจงเจาะไป มันจะทำให้เกิดคำว่า "สัญญาณใจ" ที่ทำให้เราเกิดความหนักแน่่ในจิตใจเรา เพื่อทำในสิ่งที่ลงสัจจะวาจา และสัจจะอธิษฐานไว้ให้สำเร็จ
  • เพิ่งเข้าใจคำว่า "ศรัทธา" คืออะไร หลังจากได้มีโอกาศกราบหลวงพ่อจรัญ หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จ และนี่คือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ เราน้ำตาไหลด้วยความปิติออกมา หลังจากที่หลวงพ่อสวดมนต์ให้พร และรู้สึกถึงความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อเข้าไปถึงภายในจิตใจของเรา ทำให้เราเพิ่งเข้าใจคำว่า การที่คนที่มีศรัทธาต่อสิ่งใดๆที่ตนเคารพ มันมีพลังมากแค่ไหน
  • เรียนรู้คำว่า ตายก่อนตาย จากการปฏิบัติกรรมฐานคืออะไร จากการเผชิญทุกขเวทนาทางกาย นั้นทำให้เรารู้เลยว่า ทุกอย่างในโลก ต้องเผชิญว่าสัจจธรรม ที่เรียกว่า ไตรสิกขา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป)  
สุดท้ายนี้ เราหวังว่า สิ่งที่เราเขียนบน blog ตอนนี้ จะสามารถสอน หรือแนะนำให้เพื่อนฝูง หรือลูกหลานของเราได้อ่านเพื่่อสนใจลองปฏิบัติวิสสนากรรมฐาน เื่พื่อที่เข้าใจในสิ่งที่เราเพิ่งเข้าใจมา...

เราขอตั้งสัจจะวาจาว่า...ไม่ว่าจากวันนี้ไปอีก 30 หรือ 50 ปี ถ้าลูกหลานของเรามีได้โอกาศได้อ่าน blog ตอนนี้ แล้วสนใจไปปฏิบัติวิสสนากรรมฐานหลังจากนั้น...และตอนนั้นเรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้  เราจะไปพาลูกหลานไปปฏิบัติวิสสนากรรมฐานด้วยตัวเราเอง เพื่อแนะนำให้พวกเขาเข้าใจในสิ่งทีเราค้นพบหลังจากการปฏิธรรมครั้งนี้ 

เขียนวันที่ 25 พฤษภาคม 2556

พ่อและปู่ของพวกเจ้า
----------------------------------------------------------------------

ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ให้กับ มารดา บิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข
เเละข้าพเจ้าขอเป็นทาสของพระพุทธศาสนาตลอดไป สาธุ.
------------------------------------------------------------------------------------

OOTMAN WALKER
25 May 2013

Comments